
ค่าตับ เป็นตัวเลขที่คนป่วยเป็นโรคตับหรือเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบต้องให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ตับอักเสบคนเหล่านี้จะมีโอกาสอาการร้ายแรงกว่าคนที่ไม่มีไวรัสและพาหะ ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังกว่า 500 ล้านคน โดยประมาณ 75% ของผู้ติดเชื้ออยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนในประเทศไทย คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณ 5% ของประชากร หรือประมาณ 3 ล้านคน
ไวรัสตับอักเสบแบ่งเป็นหลายประเภท แต่ชนิดที่พบมากในไทยคือ ไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านทางเลือด สารคัดหลั่ง และการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน เพราะฉะนั้นการรู้เท่าทันอาการของตับที่กำลังบ่งบอกว่า ค่าตับ ฉันกำลังพุ่งสูงขึ้นแล้วนะมีดังนี้
อาการเบื้องต้นของ ค่าตับ ที่สูง
ค่าตับสูงเป็นสัญญาณเตือนว่าตับอาจทำงานผิดปกติหรือมีภาวะอักเสบ หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น ตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ อาการที่พบบ่อยในผู้ที่มีค่าตับสูง ได้แก่
- อาการเริ่มต้นของค่าตับสูง
ในระยะเริ่มต้น ค่าตับสูงอาจไม่มีอาการที่สังเกตได้ชัดเจน แต่หากระดับค่าสูงขึ้นเป็นเวลานาน อาจพบอาการดังต่อไปนี้
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอ
- ปัสสาวะสีเข้ม เป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีชา
- อุจจาระสีอ่อน หรือซีดผิดปกติ
- ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) เกิดจากการสะสมของบิลิรูบิน
- คลื่นไส้ อาเจียน ไม่อยากอาหาร
- ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณชายโครงขวา
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
บางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ เลยจนกระทั่งตับได้รับความเสียหายรุนแรงแล้ว ดังนั้น การตรวจสุขภาพเป็นระยะจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- สาเหตุของค่าตับสูง
ค่าตับสูงสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น
- การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ทั้งชนิด A, B, และ C
- ภาวะไขมันพอกตับ มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นเบาหวาน
- การดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ตับอักเสบและเกิดแผลเป็น
- ผลข้างเคียงจากยา เช่น ยาพาราเซตามอล หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด
- ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ และโรคทางพันธุกรรมบางอย่าง
- ภาวะเซลล์เม็ดเลือดแดงแตก หรือการติดเชื้อรุนแรง
- วิธีป้องกันและดูแลตับ
แม้ว่าค่าตับสูงอาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดย
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ หรือดื่มในปริมาณที่เหมาะสม
- ควบคุมน้ำหนัก โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ A และ B
- เลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด และปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหรืออาหารเสริม
- หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น เช่น เข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์ทำเล็บ
- ตรวจสุขภาพตับเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง
สรุป
เมื่อมีอาการอ่อนเพลียแบบไม่ทราบสาเหตุ มีปัสสาวะสีเข้มกว่าปกติที่เป็นสีน้ำตาลเลย ร่วมกับการปวดท้องชายโครงขวาอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า “ควรไปตรวจค่าตับ” ได้แล้ว เพราะถ้าปล่อยให้มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง นั่นหมายถึงค่าตับพุ่งทะยายขึ้นเลข 3 หลักไปแล้ว
จำนวนตัวเลขที่บ่งบอกว่าอักเสบ คือ มากกว่า 50 ขึ้นไปก็สามารถทำการรักษาได้ทันทีไม่จำเป็นต้องรอถึงเลข 3 หลักที่เมื่อถึงตอนนั้นแต่จะลุกเดินยังไม่สามารถทำได้เลย พอรักษาแล้วก็อยู่นิ่งๆเล่นหวยไวรอค่าตับลง กินยาอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่าจะหายขาดจากโรคนี้แน่นอน
Comments are closed